สธ.ยัน “โอไมครอน” ยังไม่พบในไทย อาการคล้ายไข้หวัด ไม่ถึงขั้นปิดประเทศ-งดเคาต์ดาวน์
ณ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเพิ่มมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทย หลังจากเริ่มพบเชื้อกลายพันธุ์ “โอไมครอน” ในหลายประเทศ ว่า สำหรับไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน มีข้อมูลเปลี่ยนแปลงตลอดทุกชั่วโมง เบื้องต้นองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ลักษณะการระบาดใกล้เคียงกับสายพันธุ์เดลตา ซึ่งยังไม่พบว่ามีความรุนแรงมากกว่า “อาการสำคัญเหมือนโรคไข้หวัดคือ เพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ประมาณ 2–3 วันก็จะดีขึ้น ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ที่สำคัญขณะนี้ระบาดในประเทศแถบแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะ 8 ประเทศ ที่เราประกาศไม่อนุญาตให้เข้าไทยแล้ว ทั้งในระบบไม่กักตัว (Test and go) และแซนด์บอกซ์ (sand box) ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ยกเว้นคนไทยสามารถเข้ามาได้โดยต้องกักตัว 14 วัน” “สำหรับระบบ Test and go เราเสนอไปทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.แล้วว่า แม้การตรวจด้วยแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ยังสามารถตรวจพบเชื้อได้ แต่ยังขอให้ใช้เป็นอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ต่อไปไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.64 เพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันนักวิชาการก็ระบุว่า วัคซีนยังสามารถใช้ได้ มีประสิทธิภาพ หากถามว่าโอไมครอนจะมาหรือไม่ เชื่อว่าทางอากาศยังกั้นได้อยู่ แต่อาจมาทางบกหรือลักลอบได้ทุกเมื่อ แต่ขณะนี้เรายังปิดทุกด่าน สำหรับด่าน จ.หนองคาย เรากำลังวางระบบจะเปิดอยู่ คาดว่าหลังวันที่ 16 ธ.ค.นี้ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ความรุนแรงยังเป็นเดลตาที่เราเจอมาและยังไม่พบในไทย” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้จำป็นต้องประกาศเพิ่มชื่อประเทศที่ห้ามเข้าไทย จากเดิม 8 ประเทศอีกหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ห้ามเข้าไทย 8 ประเทศ ส่วนประเทศใกล้เคียงนั้น ทุกคนที่เข้ามาจะกักตัว ส่วนการประกาศเพิ่มประเทศในขณะนี้ ยังไม่มีการพิจารณาเพิ่ม
เมื่อถามถึงความกังวลว่าจะต้องปิดประเทศอีกครั้ง รวมถึงชะลอจัดเทศกาลปีใหม่ด้วย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น จึงอยากให้ทุกคนร่วมมือช่วยกันไม่ให้เกิดการระบาด เพราะเราก็ไม่ได้อยากปิดอีกครั้ง โดยย้ำว่าการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ ยังสามารถป้องกันการแพร่และรับเชื้อโควิด-19 ได้ดี