หมดไปคงยาก! นิวซีแลนด์ปรับแผน ไม่คาดหวังสกัดเดลต้าเหลือ 0%
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่ารัฐบาลจำเป็นต้องปรับใช้นโยบายใหม่แทนที่กลยุทธ์กำจัดโควิด-19 ให้เป็นศูนย์ (Covid Zero) ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธ์เดลต้า ซึ่งส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยรัฐบาลมีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดพรมแดน แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะยังคงไม่ลดลงเหลือศูนย์ แต่อัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นมากแล้ว
“เป็นที่ชัดเจนว่าการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดเป็นเวลานานไม่ได้ช่วยให้ผู้ติดเชื้อลดลงเหลือศูนย์…ในตอนนั้นมันจำเป็นเพราะเรายังมีวัคซีนไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้เรามีวัคซีนแล้ว เราสามารถเริ่มเปลี่ยนวิธีการรับมือกับโรคได้แล้ว” อาร์เดิร์นกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถลดจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศได้เหลือศูนย์เมื่อปีที่แล้ว จนกระทั่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาซึ่งส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ส่งผลให้ทางการต้องบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ ปิดเมืองทั่วประเทศ และควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด แต่ก็ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม โดยเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 42 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดอยู่ที่ 4,450 ราย และเสียชีวิต 27 ราย
โดยขณะนี้นิวซีแลนด์ได้แจกจ่ายวัคซีนไปแล้วกว่า 5.4 ล้านโดส โดยมีประชากรฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วราว 2.06 ล้านคน หรือคิดเป็น 48% ของประชากรวัยผู้ใหญ่
รัฐบาลนิวซีแลนด์จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์จากกำจัดโควิด-19 ให้เป็นศูนย์ มาเป็นการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับโควิด-19 โดยเผยว่าในอนาคตอันใกล้นี้ประชาชนสามารถรวมกลุ่ม และเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ รวมถึงเทศกาลดนตรี แต่ต้องแสดงหลักฐานเป็นใบรับรองการฉีดวัคซีน
รวมถึงมีแผนที่จะเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการรับมือกับโรคครั้งนี้อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นไปอีก