site loader
site loader
12/10/2021 ข่าวดี อังกฤษถอด 47 ประเทศออกจากลิสต์ประเทศอันตราย คลายมาตรการกักตัวโควิด หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย

ข่าวดี อังกฤษถอด 47 ประเทศออกจากลิสต์ประเทศอันตราย คลายมาตรการกักตัวโควิด หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย

ข่าวดี อังกฤษถอด 47 ประเทศออกจากลิสต์ประเทศอันตราย คลายมาตรการกักตัวโควิด หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอังกฤษ แกรนท์ แชปส์ กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า จะถอดชื่อ 47 ประเทศออกจากบัญชีรายชื่อประเทศอันตรายที่ยังคงมีอัตราการระบาดในระดับสูง หรือ red list โดยจะเหลือเพียง 7 ประเทศที่ยังคงอยู่ในรายชื่อและต้องใช้มาตรการกักตัวในโรงแรม 10 วันต่อไป รวมทั้งโคลอมเบีย เอกัวดอร์ ปานามา และเวเนซุเอลา

สำหรับผู้ที่มาจาก 47 ประเทศที่ถูกถอดชื่อออกจาก red list นั้น ไม่จำเป็นต้องกักตัว 10 วันอีกต่อไป หากว่าได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งเป็นวัคซีนที่ผ่านการรับรองของรัฐบาลอังกฤษ และแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบประกอบด้วย

ปัจจุบัน วัคซีนที่ผ่านการรับรองของรัฐบาลอังกฤษมีอยู่ 4 บริษัท คือ แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) โมเดอร์นา (Moderna) และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson)

รัฐมนตรีแชปส์ กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมันให้นักท่องเที่ยวคือปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจอังกฤษ ซึ่งการลดข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้สะดวกขึ้นนั้น จะช่วยให้อังกฤษเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ มาตรการใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

 

Related Post
ยิ่งใช้ ยิ่งได้

กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดให้ประชาชนผู้สนใจ ลงทะเบียนโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ในวันที่ 21 มิ.ย.2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 -22.00 Read more

LEO aqua fest

LEO Presents Flex Aqua Fest 2023’ ที่เป็นการกลับมาสร้างความมันส์เหนือพื้นน้ำแบบต่อเนื่องอีกครั้งในปีที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 24 Read more

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่กล่าวอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่คดีของ “แตงโม”

12/10/2021 โฆษก รบ. เชื่อ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นเศรษฐกิจรับปลายปีนี้แน่นอน

โฆษก รบ. เชื่อ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นเศรษฐกิจรับปลายปีนี้แน่นอน

โฆษก รบ. เชื่อ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นเศรษฐกิจรับปลายปีนี้แน่นอน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 พร้อมเปิดให้ประชาชนจองโรงแรม-ที่พักแล้ว หลังจากมีการเปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา จำนวน 2 ล้านสิทธิ โดยประชาชนสามารถจองโรงแรม-ที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. – 23 ต.ค. 2564 เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป และจะสิ้นสุดโครงการวันที่ 31 ม.ค. 2565

โดยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืนทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน จำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 15 ห้อง หรือ 15 คืน พร้อมสนับสนุนส่วนลด e-voucher คูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืน เมื่อเข้าพัก Check-In ที่โรงแรม โดยคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว สามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ ประชาชนชำระ 60%และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง ทั้งนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิผู้โดยสาร ต่อ 1 ห้องโรงแรมที่จอง 40% ของราคาค่าตั๋วเครื่องบินแต่ไม่เกิน 2,000 บาท ต่อผู้โดยสาร พร้อมมีสิทธิเพิ่มเติมสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสารเมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย อีกด้วย

ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทย มีบริษัททัวร์สมัครลงทะเบียนเพิ่มขึ้น 366 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2564) โดยประชาชนสามารถเริ่มจองแพ็กเกจทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่8 ต.ค. 2564 – 31 ม.ค. 2565 ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรง ใช้ได้ 1 สิทธิต่อ 1 คน จองแพ็กเกจก่อนเดินทางล่วงหน้า 7 วัน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าแพ็กเกจท่องเที่ยว 40% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ จำนวน 1 ล้านสิทธิ

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 โครงการจะกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสิ้นปีต่อเนื่องยาวไปจนถึงต้นปีหน้า รวมถึงตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้จะมีแผนการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมอีกหลายจังหวัด อาทิ กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เป็นต้น จะดึงเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากขึ้น

Related Post
เจ้าชายวิลเลียม-แฮร์รี่

เดลี่เมล สื่อเมืองผู้ดี รายงานว่า ขณะนี้เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ ยังทรงไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาคืนดีกัน

ศิริราช

ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ กล่าวเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการฉีดวัคซีน MODERNA เป็นเข็มกระตุ้นบิดเบือนจากความเป็นจริง

ทนายอาคมขอให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รับตัวคุณแอนนา ในคดีหวยทิพย์ ส่งสน.ทองหล่อ เพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย

12/10/2021 กางหลักฐานคู่มือประกอบอาหารเมนูยอดฮิตของคนไทย “ผัดกะเพรา” พบมีการใส่ “ถั่วฝักยาว” มายาวนานกว่า 51 ปี

กางหลักฐานคู่มือประกอบอาหารเมนูยอดฮิตของคนไทย “ผัดกะเพรา” พบมีการใส่ “ถั่วฝักยาว” มายาวนานกว่า 51 ปี

กางหลักฐานคู่มือประกอบอาหารเมนูยอดฮิตของคนไทย “ผัดกะเพรา” พบมีการใส่ “ถั่วฝักยาว” มายาวนานกว่า 51 ปี

เป็นที่ถกเถียงสำหรับชาวเน็ตกันมานานหลายปี สำหรับประเด็นแม่นูยอดฮิตของคนไทยอย่าง “ผัดกะเพรา” ในกรณีที่ว่าควรมีการใส่ผัก อาทิ ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน และหัวหอมใหญ่ ด้วยหรือไม่ ถึงขั้นเคยสร้างเพจทวงคืนผัดกะเพรารูปแบบดั้งเดิมกันมาแล้ว

 

ล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจ มหาชะนีกินจุ๊บกินจิ๊บ ได้โพสต์หลักฐานยืนยันว่า ผัดกะเพรามีการใส่ถั่วฝักยาวมามากกว่า 51 ปีแล้ว โดยระบุว่า “หลักฐานเก่าแก่ที่พบว่า กะเพราเขาใส่ถั่วฝักยาวมามากกว่า 51 ปีแล้ว ตามหลักฐานสูตรอาหารในปี 2513 ซึ่งหมายความว่า กะเพราใส่ถั่วฝักยาวมีอายุมามากกว่า 50 ปีไปแล้ว และอาจจะมากกว่านั้น”

โดยทางเพจ ได้เผยภาพคู่มือประกอบอาหารโดย บุนนาค ช่อวิเชียร ซึ่งใช้ในงานอนสรณ์งานฌาปนกิจศพ คุณอึ่ง จันทร เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2513 ที่มีการระบุเอาไว้ในเมนูไก่ผัดกะเพรา ว่ามีการใส่ “ถั่วฝักยาวหั่นหยาบประมาณ 1 นิ้ว” เอาไว้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างบอกว่า ผัดกะเพราจะใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ขณะที่อีกฝั่งก็มองว่าจะเป็นผัดกะเพราแบบไหนก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องใส่ใบกะเพราไปด้วย

ว่าแต่ ชาว Flex 104.5 ละ ชอบกินกะเพราแบบไหนกันบ้างจ๊ะ อย่าลืมมาเล่าให้เล่าฟังด้วยนะ

 

Related Post
วิจัยโควิด

เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานโดยอ้างอิงงานวิจัยชิ้นใหม่ที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเมื่อราว 20,000 ปีก่อน

ฮีโร่เหรียญทอง

“น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวไทยเบอร์ 1 โลกรุ่น 49 กก.หญิงวัย 24 ปี Read more

ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยอ (กทท.) เผยว่ากำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาลิขสิทธิ์ เพื่อคว้าสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด

12/10/2021 “ควีนแห่งเดนมาร์ก” ปรากฎตัวเซอร์ไพร์ส พบนักแสดงล้อเลียน ในการแสดงเกษียณอายุ

“ควีนแห่งเดนมาร์ก” ปรากฎตัวเซอร์ไพร์ส พบนักแสดงล้อเลียน ในการแสดงเกษียณอายุ

“ควีนแห่งเดนมาร์ก” ปรากฎตัวเซอร์ไพร์ส พบนักแสดงล้อเลียน ในการแสดงเกษียณอายุ

เพจการละครเวทีในเดนมาร์ก Cirkusrevyen (Circus Revue) โพสต์คลิปวิดีโอสั้นๆ ของ สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งราชวงศ์เดนมาร์ก ยืนอยู่บนเวทีร่วมกับ อูลฟ์ พิลโกด์ นักแสดงชาวเดนิชที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะจากการแสดงล้อเลียนเป็นควีนมาร์เกรเธอตลอดระยะเวลา 40 ปีในอาชีพ โดยทางเพจระบุข้อความว่า “ชวนดูช่วงเวลาที่น่าจดจำ เมื่อราชินีทั้งสองพระองค์ยืนอยู่ด้วยกันบนเวทีของเรา!”

ในวิดีโอเป็นบรรยากาศตอนจบของการแสดงบนเวทีครั้งสุดท้ายของพิลโกด์ที่ตัดสินใจเกษียณอายุ เขาบอกลาเวทีด้วยการแสดงล้อเลียนเป็นควีนมาร์เกรเธอ

พิลโกด์ในวัย 80 ปี อยู่ในชุดเดรสสีเหลืองลายดอกไม้ เกล้าผมและแต่งตัวคล้ายราชินี เมื่อจบการแสดง ควีนตัวจริงในชุดเดรสสีแดงเดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อเซอร์ไพรส์พิลโกด์ ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องชอบใจของคนดู

ควีนแห่งเดนมาร์กมอบรางวัลเล็กๆ ให้พิลโกด์ เป็นที่เขี่ยบุหรี่สลักพระปรมาภิไธยย่อของพระองค์ ภาพพิลโกด์ล้อเลียนควีนตอนสูบบุหรี่เป็นหนึ่งในภาพจำที่ได้รับความนิยมในการแสดงของเขา รางวัลเล็กๆ นี้จึงแสดงถึงพระราชอารมณ์ขัน ของควีนมาร์เกรเธอ (ชาวเดนิชรู้กันดีว่าควีนสูบบุหรี่จัดมาก จนเคยถูกสื่อต่างประเทศวิจารณ์อย่างหนักเมื่อเห็นรูปที่พระองค์เดินสูบบุหรี่จูงมือพระราชนัดดา)

ปฏิกิริยาของชาวเดนิชต่อเหตุการณ์นี้มักชื่นชมและประทับใจในตัวควีนมาร์เกรเธอที่อุตส่าห์เดินทางมาให้เกียรติการอำลาอาชีพนักแสดงของพิลโกด์

“ควีนมาร์เกรเธอที่ 2 (อายุ 81 ปี) ขึ้นเวทีเพื่อให้เกียรตินักแสดงตลกเกษียณอายุ อูลฟ์ พิลโกด์ (อายุ 80 ปี) หลังจาก 40 ปีที่เขาแสดงล้อเลียนเป็นเธอ ในวันแบบนี้ ฉันรู้สึกรักประเทศตัวเอง” ลีนี ราเชล อานเดอร์สัน นักเขียนชาวเดนิชทวีตข้อความพร้อมรูปภาพของทั้งสงคนบนเวที

Related Post
แอพเป๋าตังค์

พ.ต.อ. บุญส่ง จันทรีศรี กล่าวถึงโครงการ GLO Official Sellers สร้างจุดจำหน่ายให้ประชาชนสามารถหาซื้อสลากได้ตามราคา 80 บาท

วัคซีน

รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์วันพฤหัสบดีว่ามีแผนที่จะแบ่งปันวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประเทศต่างๆ ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน

ศบค.ชุดใหญ่ มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรถึง 30 พฤศจิกายนนี้ ลดระยะเวลาเป็น 22.00-04.00 น.