สมาคมประสาทวิทยาฯ แนะ “ไมเกรน” ไม่ควรหยุดยาเพื่อฉีดวัคซีนโควิด
สมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย ออกมาให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยไมเกรนที่มีอยู่กว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ หลังก่อนหน้านี้เกิดความกังวลถึงผลข้างเคียงในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องรับประทานยารักษาอาการปวดหัวไมเกรนเป็นประจำ ต่อการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ของซิโนแวค ที่มีความเสี่ยงจะเกิดอาการหลอดเลือดสมองตีบจนนำไปสู่อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต จนทำให้ผู้ป่วยหลายคนไม่กล้าฉีดวัคซีน
ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช ผู้เชี่ยวชาญโรคปวดศีรษะและสมอง หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ กรรมการสมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเกิดผลกระทบหลังฉีดวัคซีน โดยเฉพาะซิโนแวคว่าทำให้เกิดอาการอำพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดหดตัว
เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาทั่วประเทศ ได้รวบรวมกรณีศึกษาที่มีการตรวจเอ็กชเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง หรือ MRI Brain และ การฉีดสีตรวจหลอดเลือดในสมอง พบว่าไม่มีการหดตัวของเส้นเลือดหรือพบความผิดปกติของการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง นอกจากนี้ยังมีการตรวจการทำงานของสมอง พบว่าหลังฉีดวัคซีน การทำงานของสมองมีการทำงานผิดปกติชั่วคราว ซึ่งเป็นการตอบสนองของวัคซีนทุกชนิดและส่วนใหญ่อาการจะหายเองจนหายสนิท
เกือบสองเดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการสมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย มีการหารือในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั่วประเทศ ทั้ง แพทย์ประสาท และ แพทย์สาขาอื่น ๆ จากโรงพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ทั่วประเทศกว่า 200 คน มีการรวบรวมกรณีศึกษาในประเทศจำนวนมากในกลุ่มที่มีอาการชา อ่อนแรงชั่วคราว รวมทั้งศึกษาจากรายงานของต่างประเทศ พบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ไม่มีความสัมพันธ์กับโรคไมเกรนและไม่มีความสัมพันธ์ต่อการกินยารักษาหรือยาป้องกันไมเกรน
ทางสมาคมเห็นว่าการสื่อสารข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา เกิดผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะผู้ป่วยที่มีอาการปวดรุนแรง หากขาดยาจะเกิดปัญหาปวดหัวมากขึ้น บางคนกินยาทุกวัน หากหยุดยาเฉียบพลัน นอกจากปวดหัวมากขึ้น อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ความดันต่ำ จึงแนะนำผู้ป่วยไมเกรนที่ใช้ยาแก้ปวด หรือ ยาป้องกันไมเกรนเป็นประจำ ไม่มีความจำเป็นต้องหยุดยาแก้ปวดหรือยาป้องกันไมเกรน ในระหว่าง ก่อน หรือ หลังฉีดวัคซีน เพราะการหยุดอาจมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอาจทำให้ปวดหัวจนฉีดวัคซีนไม่ได้