“เป้ เอ็มวีแอล” ดึงพี่ชายสุดที่รัก “น้าเน็ก” ถ่ายทอดประสบกาณ์ชีวิตผ่านเพลงใหม่ “อดทนต่อความเจ็บปวดได้มาก”

“เป้ เอ็มวีแอล” ดึงพี่ชายสุดที่รัก “น้าเน็ก” ถ่ายทอดประสบกาณ์ชีวิตผ่านเพลงใหม่
“อดทนต่อความเจ็บปวดได้มาก”

ได้ฟังเพลงรักยังหวะสนุกๆ จาก MVL (เป้ บดินทร์) มาก็มาก ครั้งนี้เจ้าตัวขอส่งเพลงเศร้าๆ ที่เหมือนเป็นคำถามให้คนฟังได้ลองนั่งคิดทบทวนไปกับเพลง “อดทนต่อความเจ็บปวดได้มาก” โดยเนื้อหาพูดถึงคนๆ หนึ่งที่เลือกจะยอมอดทนเพื่อให้คนที่ตัวเองรักทำอะไรก็ได้ ซึ่งเป้ได้เขียนขึ้นมาโดยมีอินสไปเรชั่นมาจากกล่องเคสโทรศัพท์มือถือที่เขียนว่า ทนต่อแรงกระแทก จึงนำมาตีความเป็นเพลงที่พูดถึงความรักที่ไม่สมหวัง เพราะหัวใจของคนหรือความรู้สึกของคนเรา

มันสามารถอดทนหรือเปราะบางแตกหักได้ง่ายเหมือนกัน ซึ่งเพลงนี้เป้ ก็ได้ทำเองทั้งหมด ทั้งเนื้อร้อง ทำนองและโปรดิวซ์ และช่วยกันเรียบเรียงกับทีมทำเพลงของเขาในนาม The 4 Horsemen ในพาร์ทของมิวสิควิดีโอได้พี่ชายที่เป้เคารพรักอย่าง น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ในชีวิตจริงของตนเองมาเล่าผ่านมิวสิควิดีโอเพลงนี้ และตอนนี้สามารถเข้าไปชมมิวสิควิดีโอได้แล้วทาง YouTube ของ SPICYDISC ส่วนที่ว่าทำไม เป้ ถึงได้แต่งเพลงเศร้านี้ออกมาทั้งที่ตอนนี้ชีวิตก็สุดแสนจะเอนจอย และทำไมถึงได้ชวนน้าเน็กมาเล่นในมิวสิควิดีโอเพลงนี้ต้องไปฟังจากเจ้าตัวกัน

โดยเป้เล่าว่า “ด้วยคอนเซ็ปของอัลบั้ม ษิภูตา ผมตั้งใจที่อยากให้มีเพลงที่เล่าเรื่องของความรักที่มีทุกอารมณ์ และนั่นจึงเป็นเหตุผลในการแต่งเพลงของผม ตอนที่เริ่มเขียนเพลงนี้ผมอยากเล่าถึงเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่ยอมอดทนเพื่อให้คำที่รักได้ทำในสิ่งที่ต้องการ แม้สิ่งนั้นอาจจะวกมาทำร้ายตัวเองก็ตามแต่ก็เลือกที่จะทนต่อไปเพียงเพราะรักเขามากก็เท่านั้น ส่วนที่ว่าทำไมถึงชวนน้าเน็กมาร่วมเล่นมิวสิควิดีโอ นั่นก็เพราะตัวผมเองอยากให้พี่ชายผมคนนี้มาเล่นเอ็มวีให้สักเพลงแต่ก็ยังไม่ลงตัวกันสักทีจนมาถึงเพลงนี้ และช่วงจังหวะดีที่น้าเน็กเองสะดวกก็เลยชวนให้มาร่วมเล่นเอ็มวีเพลงนี้กันครับ”

โดยน้าเน็กได้เล่าเสริมถึงการร่วมงานในครั้งนี้ว่า “เป้ เป็นน้องชายที่น่ารัก ซึ่งเราเคยคุยกันตลอดว่ามีอะไรให้ช่วยก็ขอให้บอก พอมาวันหนึ่งเป้ก็เข้ามาหาอย่างนอบน้อมว่าเขามีเพลงๆ หนึ่งอยากให้ผมได้ฟัง และอยากให้ผมเล่นผมก็บอกเป้ไปว่าให้หาวันและเวลามาเลยเดี๋ยวผมไปให้ไม่ต้องมากพิธีอะไร พอได้ฟังเพลงสิ่งแรกที่รู้สึกคือเพลงนี้มันดีมาก และยิ่งไปกว่านั้นผมรู้สึกดีใจที่ได้นำเอาเรื่องราวในพาร์ทหนึ่งของชีวิตที่เป็นความเจ็บปวดที่งดงาม และให้บทเรียนอย่างมากมายทำให้เราได้ทดสอบตัวเองว่าเราจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร และมันก็สอดคล้องไปกับชื่อของเพลงนี้ ซึ่งอยากให้ทุกคนได้ลองไปชม และฟังกัน เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเพลงนี้เป็นการสะท้อนในอีกแง่มุมหนึ่งที่เคยได้เจอกัน รวมถึงราวในมิวสิควิดีโอก็จะกลายเป็นกรณีศึกษาให้กับทุกคนได้เรียนรู้กับความเจ็บปวดซึ่งหน้าที่จะทำให้คุณได้รับรู้ถึงตัวตนของคุณเองว่าเป็นคนอย่างไร”